อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว
อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว
อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว (Pliew Waterfall National Park) ตั้งอยู่ในอำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี ภาคตะวันออกของประเทศไทย เป็นหนึ่งในอุทยานที่มีความสวยงามและเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่ได้รับความนิยมอย่างมากในภูมิภาคนี้
จุดเด่นของอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว:
น้ำตกพลิ้ว: น้ำตกพลิ้วเป็นน้ำตกที่มีความงดงาม มีน้ำไหลตลอดปี และมีความสูงถึงประมาณ 20 เมตร เป็นจุดท่องเที่ยวหลักของอุทยานแห่งนี้ น้ำตกนี้ไหลจากภูเขาที่มีป่าไม้ธรรมชาติ ทำให้บรรยากาศรอบๆ สดชื่นและเย็นสบาย เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ
ความหลากหลายทางชีวภาพ: อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วมีพืชพันธุ์และสัตว์ป่านานาชนิด รวมทั้งต้นไม้ใหญ่ ป่าดิบชื้น สัตว์ป่า เช่น นกยูง ช้างป่า และสัตว์เลื้อยคลานต่างๆ ซึ่งสร้างความหลากหลายทางธรรมชาติให้กับนักท่องเที่ยว
กิจกรรมท่องเที่ยว: นักท่องเที่ยวสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ในอุทยาน เช่น เดินป่า เที่ยวน้ำตก ชมธรรมชาติ พักผ่อนหย่อนใจ หรือถ่ายภาพธรรมชาติ
แหล่งน้ำแร่: อุทยานแห่งนี้ยังมีแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับน้ำแร่ที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิวพรรณ
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง: ในพื้นที่ใกล้เคียงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น วัดพลิ้ว, หาดเจ้าหลาว และสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลอื่นๆ ที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยวต่อได้
การเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วสามารถทำได้สะดวกจากตัวเมืองจันทบุรี โดยใช้เวลาประมาณ 40 นาที และมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว เช่น ที่พัก ร้านอาหาร และบริการต่างๆ ที่ช่วยให้การท่องเที่ยวสะดวกสบายยิ่งขึ้น
สถานที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว
อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว ตั้งอยู่ใน อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี ภาคตะวันออกของประเทศไทย
ที่อยู่: อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว ตั้งอยู่ในตำบลพลิ้ว อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี
การเดินทางไปยังอุทยานจากตัวเมืองจันทบุรีสามารถทำได้โดยการขับรถประมาณ 30-40 นาทีไปทางทิศใต้ของจังหวัดจันทบุรี ผ่านเส้นทางถนนหมายเลข 3 ซึ่งเชื่อมต่อไปยังอำเภอแหลมสิงห์
อุทยานแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากในช่วงวันหยุด เนื่องจากความสวยงามของธรรมชาติและน้ำตกพลิ้วที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี
ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกพริ้วมีอะไรที่ตื่นตาตื่นใจบ้าง
อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วมีหลายสิ่งที่น่าสนใจและตื่นตาตื่นใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในธรรมชาติและการผจญภัย นี่คือบางจุดที่ทำให้การเที่ยวในอุทยานนี้น่าตื่นเต้น:
น้ำตกพลิ้ว:
น้ำตกพลิ้วเป็นจุดเด่นหลักของอุทยาน มีความสูงประมาณ 20 เมตร และน้ำตกนี้ไหลตลอดทั้งปี ซึ่งน้ำใสมากจนเห็นปลาและสิ่งมีชีวิตต่างๆ ใต้ผิวน้ำ น้ำตกนี้มีลักษณะที่งดงาม และบรรยากาศรอบๆ ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายและตื่นเต้นไปพร้อมๆ กัน
นอกจากนี้ยังมีสระน้ำที่สามารถลงไปเล่นน้ำหรือแช่ตัวได้ ซึ่งทำให้การเยี่ยมชมยิ่งมีความสนุกและน่าตื่นเต้น
เส้นทางเดินป่า:
อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วมีเส้นทางเดินป่าที่หลากหลาย ซึ่งนำพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เช่น เส้นทางเดินไปยังจุดชมวิวหรือเส้นทางที่นำไปสู่แหล่งน้ำตกและแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่งดงาม
การเดินป่าในอุทยานช่วยให้คุณได้สัมผัสกับป่าไม้ที่เขียวขจี และอาจได้เห็นสัตว์ป่า เช่น นกยูง, ลิง, และสัตว์เลื้อยคลานต่างๆ
การชมพันธุ์ไม้และสัตว์ป่า:
อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วมีความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งพืชพันธุ์ไม้ที่หาได้ยากและสัตว์ป่าหลายชนิด รวมถึงพันธุ์ไม้ที่ใช้ในการทำยาหรือการรักษา เช่น ต้นไม้ที่มีสรรพคุณในการบำรุงสุขภาพ
นักท่องเที่ยวสามารถพบเห็นสัตว์ป่าหลายชนิด เช่น นกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เดินทางผ่านเส้นทางธรรมชาติ
แหล่งน้ำแร่ธรรมชาติ:
นอกจากน้ำตกแล้ว อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วยังมีแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิวพรรณ น้ำแร่เหล่านี้ได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสกับประสบการณ์แช่น้ำแร่จากธรรมชาติ
ทิวทัศน์ที่งดงาม:
บรรยากาศของอุทยานมีความสวยงามทั้งในตอนเช้าและตอนเย็น เมื่อแสงแดดส่องกระทบกับป่าไม้และน้ำตก ทำให้วิวทิวทัศน์ดูน่าตื่นตาตื่นใจและเหมาะแก่การถ่ายภาพ
กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์:
นักท่องเที่ยวสามารถร่วมกิจกรรมเชิงนิเวศน์ เช่น การศึกษาธรรมชาติ การทำความรู้จักกับสิ่งมีชีวิตต่างๆ และการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยให้ทุกคนตื่นตาตื่นใจกับความหลากหลายของธรรมชาติรอบตัว
การเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วจึงเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นทั้งสำหรับคนที่ชอบผจญภัยในธรรมชาติและผู้ที่ต้องการพักผ่อนในบรรยากาศที่เงียบสงบและสวยงาม
สถานที่ไกล้เคียงอุทยานแห่งชาติน้ำตกพริ้วมีอะไรบ้าง
บริเวณใกล้เคียงกับ อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว ในจังหวัดจันทบุรีมีหลายสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ซึ่งสามารถเดินทางไปเที่ยวต่อได้หลังจากเยี่ยมชมอุทยานแล้ว นี่คือลิสต์ของสถานที่ใกล้เคียงที่ควรไปเยี่ยมชม:
หาดเจ้าหลาว
หาดเจ้าหลาวตั้งอยู่ในอำเภอแหลมสิงห์ ห่างจากอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วเพียงประมาณ 20 กิโลเมตร
หาดนี้เป็นหาดทรายที่สวยงาม น้ำทะเลใส เหมาะสำหรับการพักผ่อนและทำกิจกรรมทางน้ำ เช่น ว่ายน้ำ หรือการตกปลา
มีที่พักและร้านอาหารอยู่มากมายให้บริการ
วัดพลิ้ว
วัดพลิ้วตั้งอยู่ไม่ไกลจากอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว เป็นวัดที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวบ้านในพื้นที่
วัดนี้มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม รวมทั้งรูปปั้นและภาพจิตรกรรมฝาผนังที่น่าสนใจ
อ่าวคุ้งกระเบน
อ่าวคุ้งกระเบนเป็นพื้นที่ธรรมชาติที่สวยงาม มีทัศนียภาพที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับการชมวิวทะเลและสัมผัสกับธรรมชาติที่ยังคงสมบูรณ์
ที่นี่มีการอนุรักษ์ป่าชายเลน ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหลายชนิด และมีศูนย์ศึกษาธรรมชาติสำหรับผู้ที่สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศน์
ตลาดเก่าเมืองจันทบุรี
เมืองจันทบุรีมีตลาดเก่าที่มีความเป็นเอกลักษณ์ เช่น ตลาดน้ำจันทบูร หรือ "ตลาดโบราณ" ที่มีอาหารท้องถิ่นและของที่ระลึกมากมาย
ตลาดนี้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเดินเล่นและลิ้มรสอาหารพื้นเมืองจันทบุรี เช่น ขนมเบื้อง และผลไม้เมืองร้อน
อุทยานแห่งชาติทะเลน้อย (ทะเลที่แหลมสิงห์)
สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจท่องเที่ยวทางทะเลและสัตว์น้ำ อุทยานแห่งชาติทะเลน้อย (ทะเลแหลมสิงห์) เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด
ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ และมีแนวปะการังที่สวยงาม รวมทั้งกิจกรรมดำน้ำและท่องเที่ยวทางเรือ
เขาสิบห้าชั้น
สำหรับผู้ที่ชอบการเดินป่าและการผจญภัย เขาสิบห้าชั้นเป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจในพื้นที่ใกล้เคียง
การขึ้นเขาสิบห้าชั้นจะพาคุณไปยังจุดชมวิวที่สูงและมองเห็นทัศนียภาพที่งดงามของจังหวัดจันทบุรี
สวนผลไม้จันทบุรี
จันทบุรีเป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงในด้านการปลูกผลไม้ โดยเฉพาะมังคุดและทุเรียน
นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมสวนผลไม้ต่างๆ ในจังหวัดเพื่อชิมผลไม้สดๆ และเรียนรู้เกี่ยวกับการเกษตรของพื้นที่
การท่องเที่ยวในพื้นที่ใกล้เคียงอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วจึงมีความหลากหลายทั้งในด้านธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม ที่สามารถตอบโจทย์ความสนใจของนักท่องเที่ยวได้หลากหลายรูปแบบ
การเดินทางไปอุทยานแห่งชาติน้ำตกพริ้วได้อย่างไรบ้าง
การเดินทางไปยัง อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว ในจังหวัดจันทบุรีสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความสะดวกและวิธีการเดินทางที่คุณเลือก นี่คือรายละเอียดเกี่ยวกับการเดินทางไปอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว:
โดยรถยนต์ส่วนตัว
เส้นทาง: หากคุณเริ่มต้นจากตัวเมืองจันทบุรี ให้ขับรถไปตามถนนหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) ไปทางอำเภอแหลมสิงห์
ระยะทาง: ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร
เส้นทางที่แนะนำ: จากตัวเมืองจันทบุรี (ถนนสุขุมวิท) เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 317 (เส้นทางสู่แหลมสิงห์) เมื่อผ่านปากทางไปหาดเจ้าหลาว ให้ขับต่อไปอีกเล็กน้อย แล้วจะพบป้ายบอกทางเข้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว
โดยรถบัส
จากกรุงเทพฯ: หากเดินทางจากกรุงเทพฯ สามารถใช้บริการรถบัสจากสถานีขนส่งหมอชิตหรือสถานีขนส่งเอกมัย ที่มีรถบัสไปยังจันทบุรี โดยใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง
จากจันทบุรีไปอุทยาน: หลังจากที่มาถึงสถานีขนส่งจันทบุรี คุณสามารถต่อรถตู้หรือแท็กซี่ไปยังอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว โดยใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที
โดยรถตู้
จากกรุงเทพฯ: คุณสามารถใช้บริการรถตู้จากสถานีขนส่งหมอชิตหรือเอกมัย ไปยังจันทบุรี รถตู้จะใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง
จากจันทบุรีไปอุทยาน: เมื่อมาถึงสถานีขนส่งจันทบุรี คุณสามารถใช้บริการรถตู้ที่ไปแหลมสิงห์ หรือแท็กซี่เพื่อไปยังอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว
โดยรถแท็กซี่หรือบริการรับ-ส่ง
บริการแท็กซี่: หากสะดวกในการจ่ายค่าเดินทางมากขึ้น คุณสามารถใช้บริการแท็กซี่จากตัวเมืองจันทบุรีไปยังอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว
บริการรถรับ-ส่งจากที่พัก: หากคุณพักที่โรงแรมหรือรีสอร์ทในจันทบุรี หลายแห่งอาจมีบริการรถรับ-ส่งไปยังอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว
โดยจักรยานหรือมอเตอร์ไซค์
หากคุณเป็นคนที่รักการผจญภัย การขี่จักรยานหรือมอเตอร์ไซค์ไปยังอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในวันที่อากาศดี คุณจะได้สัมผัสกับธรรมชาติระหว่างทาง
การเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วนั้นค่อนข้างสะดวกสบาย เนื่องจากถนนทางหลวงหลักในพื้นที่ค่อนข้างดี และมีป้ายบอกทางอย่างชัดเจน ทำให้ง่ายต่อการเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้
ค่าบริการอุทยานแห่งชาติน้ำตกพริ้ว
ค่าบริการเข้าชมอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว มีดังนี้:
ค่าบริการสำหรับคนไทย:
ผู้ใหญ่: 40 บาท
เด็ก (สูงไม่เกิน 14 ปี): 20 บาท
ค่าบริการสำหรับชาวต่างชาติ:
ผู้ใหญ่: 200 บาท
เด็ก (อายุต่ำกว่า 14 ปี): 100 บาท
นอกจากนี้ยังมีค่าบริการอื่นๆ ที่อาจมีการเรียกเก็บเพิ่มเติม เช่น ค่าที่จอดรถหรือค่าใช้บริการอื่นๆ ตามที่อุทยานกำหนด
หมายเหตุ: ค่าบริการนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามนโยบายของอุทยานแห่งชาติ ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากอุทยานก่อนการเดินทาง
กฏในการท่องเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกพริ้ว
การท่องเที่ยวใน อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว มีข้อกำหนดและกฎระเบียบที่นักท่องเที่ยวควรปฏิบัติตาม เพื่อรักษาความสมบูรณ์ของธรรมชาติและความปลอดภัยของทุกคน นี่คือกฎในการท่องเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว:
ห้ามทิ้งขยะ
นักท่องเที่ยวควรนำขยะของตัวเองกลับไปทิ้งในที่ที่จัดเตรียมไว้ ห้ามทิ้งขยะในอุทยานเพื่อรักษาความสะอาดและสิ่งแวดล้อม
ห้ามจับสัตว์หรือเก็บพืช
ห้ามจับสัตว์ป่า หรือเก็บพืชพันธุ์ในอุทยาน เพื่อลดการทำลายระบบนิเวศน์และรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ
ห้ามทำลายธรรมชาติ
ห้ามทำลายต้นไม้หรือสิ่งมีชีวิตในอุทยาน เช่น การตัดไม้ การทำลายหิน หรือสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ที่มีอยู่ในอุทยาน
ห้ามเสียงดังรบกวน
ห้ามส่งเสียงดังหรือทำกิจกรรมที่อาจรบกวนธรรมชาติและสัตว์ป่า โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีการอนุรักษ์หรือที่อยู่อาศัยของสัตว์
การเข้าถึงพื้นที่ห้าม
นักท่องเที่ยวไม่ควรเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการปิดกั้นหรือห้ามเข้า โดยเฉพาะบริเวณที่มีอันตรายหรือการอนุรักษ์พิเศษ
การควบคุมการใช้ไฟ
ห้ามจุดไฟหรือทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจุดไฟภายในอุทยาน ยกเว้นในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตและมีการกำกับดูแล เช่น การตั้งแคมป์
การตั้งแคมป์
หากต้องการตั้งแคมป์ ควรตั้งแคมป์ในพื้นที่ที่มีการจัดเตรียมและอนุญาตจากอุทยาน โดยต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบเกี่ยวกับการตั้งแคมป์อย่างเคร่งครัด
ห้ามขับรถเร็วหรือขับรถในเส้นทางที่ไม่ได้รับอนุญาต
การขับรถภายในอุทยานควรปฏิบัติตามข้อกำหนดและจำกัดความเร็วที่ทางอุทยานกำหนด รวมถึงไม่ขับรถออกนอกเส้นทาง
การเดินป่า
เมื่อเดินป่าในเส้นทางธรรมชาติ ควรปฏิบัติตามเส้นทางที่กำหนดและห้ามออกนอกเส้นทางเพื่อหลีกเลี่ยงการทำลายธรรมชาติและลดการเกิดอุบัติเหตุ
ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในอุทยาน
ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้าไปในพื้นที่อุทยาน เนื่องจากอาจรบกวนสัตว์ป่าหรือระบบนิเวศในอุทยาน
ความปลอดภัย
นักท่องเที่ยวควรมีการเตรียมตัวที่ดีและนำอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น รองเท้าที่เหมาะสม เสื้อผ้าที่เหมาะสมกับสภาพอากาศ และน้ำดื่มเพียงพอ รวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อุทยานเกี่ยวกับความปลอดภัย
ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อุทยาน
นักท่องเที่ยวควรให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อุทยานในการดูแลความปลอดภัยและรักษาความสะอาดของพื้นที่
การปฏิบัติตามกฎเหล่านี้จะช่วยรักษาความสวยงามและความสมบูรณ์ของอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว รวมถึงช่วยให้การท่องเที่ยวเป็นไปอย่างปลอดภัยและยั่งยืน